วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก



20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก






20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 1 สถานีอสวกาศนานาชาติ International Space Station ( ISS ) ประเทศ United States Russia Japan Canada European ราคา 157000 ล้านเหรียญ แล้วเสร็จใน 2010 เป็นสุดสุดยอดที่มนุษย์เคยสร้างมา ซึ่งจะเป็นการก้าวต่อไปของเทคโนโลยี ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ ยารักษาโรคเอดส์ มะเร็ง ( ยานะคับ ไม่ใช่วัคซีน ) การอยู่อาศัยของมนุษย์นอกอวกาศ ( ก้าวแรกของมนุษย์ที่จะไปอยู่ดวงจันทร์ ) เทคโนโลยีการป้องกันภัยจากนอกโลก ( อุกกาบาต ) และอื่นๆอีมากมาย

20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก
อันดับ 2 Three Gorges Dam ประเทศ China ราคา 25000 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2011 สุดยอดความภาคภูมิใจของเอเชียและของจีน มันก็คือเขื่อนแยงซีเกียง มันเก็บกักน้ำมากซะจนทำให้แกนโลกเอียงเลยที่เดียว ( มาจากข่าวนะคับ ไม่ได้คิดเอง ) แต่ก็คงแย่สำหรับคนไทยสักหน่อย เพราะเขื่อนนี้อยู่ต้นสายของแม่น้ำโขงของเรานี้เอง ซึ่งแม่น้ำโขงเราเป็นเพียงแค่กิ่งของแม่น้ำแยงซีเกียง จีนเลยมีสิทธิ์ขาดของแม่น้ำสายนี้


อันดับ 3 Big Dig ประเทศ United States ราคา 14600 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2007 เป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ขนาด 10 เลนเชื่อมต่อจากรัฐบอสตัน ไปยังรัฐเมสสาซูเซส ซึ่งจะทำให้ เมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกาจะกลายเป็นเมืองที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก
อันดับ 4 Channel Tunnel ประเทศ France United Kingdom ราคา 8130 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2007 เป็นอุโมงค์ที่ให้ลอดใต้ช่องแคบอังกฤษสู่ประเทศฝรั่งเศสและเป็นอุโมงค์ที่ลอดใต้ทะเล ที่ยาวที่สุดในโลก คือมีความยาวถึง 49.94 กิโลเมตร อุโมงค์นี้มีทั้งทางวิ่งของรถไฟและรถยนต์ ทำให้การติดต่อคมนาคมระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสเป็นไปอย่างสะดวกมาก
        ซึ่งรถไฟที่ใช้วิ่งในอุโมค์นี้ ก็เป็นรถไฟด่วนแบบเดียวกับ รถไฟด่วน TGV (รถไฟที่เร็วที่สุดในโลก ของฝรั่งเศส) มีชื่อว่า ยูโรสตาร์ วิ่งที่ความเร็วเกือบ 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


อันดับ 5 CVN-78 class aircraft carrier ประเทศ United States ราคา 8100 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2015 สุดยอดเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ ทั้งขนาดเรือ อนุภาพและเทคโนโลยีไม่เป็นสองรองใคร ถึงกับทำให้ประเทศคู่แข่งของสหรัฐ คือ รัสเซียถึงกับต้องสร้างเรือมาแข่งแสงยานุภาพด้วย แต่ก็ไม่ติดในรายชื่อ 20 อันดับนี้ ขอซูฮกกับอเมริกาจริงๆ ไม่รู้เค้าจะเก่งไปถึงไหน !!!!

20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 6 Alaska Pipeline ประเทศ United States ราคา 8000 ล้านเหรียญ เสร็จใน 1977 เป็นท่อส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดในโลก ส่งจากรัฐอลาสก้ามายังคลังเก็บน้ำมันในสหรัฐ ( แค่เก็บเอาไว้ ไม่ยอมใช้ ) เป็นมาตรการความมั่นคงของชาติ แต่กลับไปเอาของประเทศอื่นมาใช้ แล้วสุดท้ายประเทศที่เหลือน้ำมันเป็นประเทศสุดท้ายก็คือ สหรัฐอเมริกา ( ฉลาดแกมโกง )


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 7 โรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่น ITER ประเทศ United States European India Japan China Russia South Korea ราคา 6500 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2016 อันนี้เป็นสุดยอดที่ผมขอนำเสนอ เพราะเป็นโรงปฎิกรณ์นิวเคลียร์แบบฟิวชันโดยใช้กาซไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ( พลังงานสะอาดกว่าฟิชชัน เพราะไม่มีกัมมันตภาพรังสี ) โดยเครื่องนี้จะเร่งอณหภูมิสูงถึง 10 ล้านองศาเซสเซียส โดยมีผนังเป็นพลาสม่ากันความร้อน สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 500 MW


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 8 New Bay Bridge ประเทศ United States ราคา 6300 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2013 เป็นสะพานแขวนจากซานฟานซิสโกไปยังแคลอฟอเนีย ซึ่งปัจจุบันก็มีสะพาน Bay Bridge อยู่แล้ว แต่ยาวกว่า ใหญ่กว่า ซึ่งคล้ายๆกับสะพานโกลเดนเกจ


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 9 เครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider ประเทศ World ราคา 6000 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2008 เครื่องเร่งอนุภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยใช้เงินจากทุกประเทศทั่วโลกรวมถึงไทยเราด้วย ซึ่งเท่าไรผมก็ไม่รู้

          เป็นเครื่องเร่งความเร็วอนุภาค ของศูนย์วิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ มีลักษณะเป็นท่อใต้ดินวนเป็นวงกลมยาว 27 กิโลเมตร เป้าหมายของ LHC คือใช้ทดลองเร่งความเร็วอนุภาคแล้วเอามาวิ่งชนกัน เพื่อตรวจสอบทฤษฎีทางฟิสิกส์ โดยเร่งให้อิเลกตรอนเคลื่อนที่เกือบเท่าความเร็วแสง ซึง่ปกติอิเลกตรอนจะเคลื่อนที่ประมาณ 150000 กมต่อวินาที ซึ่งจะทำให้เกิดหลุมดำขนาดเล็กๆ ซึง่เล็กมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ภายในเสี้ยววินาที และเราก็จะเก็บอนุภาคที่หลุ่มดำปล่อยออกมา เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีมากมาย ซึง่หนึ่งในนั้นก็มีทฤษฎีสัมพันธภาพ ซิงกูลาลิตี้ ควอนตัม


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 10 Akashi-Kaikyō Bridge ประเทศ Japan ราคา 5000 ล้านเหรียญ เสร็จใน 1998  สะพานแขวนของประเทศญี่ปุ่น ซึง่เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลก


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 11 Mir ประเทศ Russia ราคา 4300 ล้านเหรียญ เสร็จใน 1996  อดีตสถานีอวกาศที่ดีที่สุดของโลก แต่ปัจจุบันปลดประจำการแล้วจะถูกทำลายโดยให้ตกลงสู่พื้นโลก เป็นความภาคภูมิใจของรัสเซียเพราะเป็นสถานีอวกาศของประเทศรัสเซียประเทศเดียว ซึ่งสร้างความกดดันให้สหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมากในสมัยนั้น


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 12 National Ignition Facility ประเทศ United States  ราคา 4200 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2009 มันคือ ห้องสมุดสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันแพงจัง ดูรูปแล้วสงสัยเอาเครื่องปรมาณูมาตั้งเอาไว้


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 13 Burj Dubai ประเทศ United Arab Emirates ราคา 4100 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2009 สิ่งก่อสร้างที่จะกลายมาเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก และเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดที่มนุษย์เคยสร้างมาด้วย ความสูงประมาณ 818 เมตร จุคนได้ถึง 35,000 คน โดย 8 ชั้นแรกจะเป็นโรงแรม complex และสถานบันเทิงต่างๆ ส่วนชั้นที่ 9 ถึงชั้นที่ 37 จะเป็นห้องพักหรูหราสำหรับบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย โดยได้รับการออกแบบตกแต่งโดย Armani แบรนด์ชื่อดังจากอิตาลี ชั้นที่ 38-41 ก็จะเป็นอีกส่วนที่จัดเป็นห้องพักของโรงแรม สำหรับชั้นที่ 42-108 ถูกจัดให้เป็น Apartments ส่วนชั้นที่สูงจากนี้ขึ้นไป จะเป็นส่วนปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของอาคารแห่งนี้
           Burj Dubai ยังได้เก็บชั้นสูงที่สุด(ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครทราบว่าเป็นชั้นทีเท่าไหร่) ไว้สำหรับผู้ที่ต้องการจับจองอีกด้วย ( ผมนี่แหละ )


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 14 Queen Elizabeth class aircraft carrier ประเทศ United Kingdom ราคา 3900 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2014 เรือบรรทุกเครื่องบินของประเทศอังกฤษแต่ก็สู้ของอเมริกาไม่ได้ 555


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก
อันดับ 15 Deer Island Waste Water Treatment Plant ประเทศ United States ราคา 3800 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2000โครงการบำบัดน้ำเสียแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Deer ในอ่าว Boston โดยถือว่าเป็นโครงการบำบัดน้ำเสียที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Massachusetts Water Resources Authority โดยมีหน้าที่ในการป้องกันปัญหาน้ำเสียภายในอ่าว Boston
โครงการบำบัดน้ำเสียแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ 1860 ก่อนมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้งในปี 1960 และ 1990 โดยอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Clean Water

20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก
อันดับ 16 Oosterscheldekering ประเทศ Netherlands ราคา 3750 ล้านเหรียญ เสร็จใน 1986 โครงการผนังกั้นน้ำของประเทศฮอลแลนด์เพื่อป้องกันปัญหา Storm Surge ( คลื่นสูงใกล้ชายฝั่ง ) แห่งนี้มีความยาวถึง 9 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการที่น้ำจะเอ่อล้นเข้าประเทศฮอล์แลนด์เนื่องจากประเทศฮอลแลนด์นั้นมีความสูงต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
การก่อนสร้างนั้นเริ่มขึ้นในปี 1976 ก่อนแล้วเสร็จในปี 1986 โดยมีการสร้างประตูระบายน้ำเพื่อจะระบายน้ำจากข้างในออกเมื่อระดับน้ำสูง และป้องกันไม่ให้น้ำจากภายนอกเข้ามาข้างในตัวประเทศได้เมื่อเกิดภัยพิบัติ

20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก
อันดับ 17 Rivercity Motorway ประเทศ Australia ราคา 3200 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2010 ระบบขนส่งของเมือง Brisbane ประเทศ Australia นี้ ประกอบด้วยการขุดอุโมงค์จำนวน 5 อุโมงค์เพื่อเชื่อมระหว่าง Woolloongabba กับ Bowen Hills เพื่อเป็นการลดการติดขัดอันเนื่องมาจากสี่แยกไฟแดงจำนวน 18 แยกภายในเมือง Brisbane
งานชิ้นนี้เกิดจากแนวความคิดของผู้ว่าการเมือง Cambell Newman ในปี 2006 ก่อนจะถูกประมูลโดยบริษัท Brisconnections ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างอย่างต่ำ 45 ปี โดยในปัจจุบันนี้งานเสร็จสิ้นไปแล้วจำนวน 2 อุโมงค์

20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 18 USS Jimmy Carter ประเทศ United States ราคา 3200 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2004 เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ประจำภาคพื้นแปรซิฟิกเรานี้เอง


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 19 B-2 Spirit Stealth Bomber ประเทศ United States ราคา 2200 ล้านเหรียญ เสร็จใน 1988 เครื่องบินทิ้งระเบิดที่ดีที่สุดในโลกใช้เทคโนโลยีสเตล และพิสัยการบินถึง 11000 กม โดยสหรัฐมีทั้งหมด 21 ลำ เป็นต้นแบบเครื่องบินสเตลรุ่นต่อๆมา


20 อันดับสิ่งก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

อันดับ 20  Taipei 101 ประเทศ Taiwan ราคา 1800 ล้านเหรียญ เสร็จใน 2004

ปัจจุบันถูกทำลายสถิติตึกที่สูงที่สุดในโลกไปแล้ว เสียใจด้วย



อ้างอิง

http://www.gotoknow.org/posts/455762


10 อันดับอาหารที่แพงที่สุดในโลก

    10 อันดับอาหารที่แพงที่สุดในโลก




1. เครื่องเทศแซฟฟรอน (Saffron)

แซฟฟรอน เป็นเครื่องเทศที่ได้มาจากเกสรตัวเมีย (สีแดงอมส้ม) ของดอกแซฟฟรอน โครคัส ซึ่งแต่ละดอกจะมีเพียง 3 เกสรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การที่จะผลิตแซฟฟรอนแห้งให้ได้น้ำหนักเพียง 1 ปอนด์ (0.45 ก.ก.) จะต้องใช้ดอกแซฟฟรอน โครคัส มากถึง 50,000-75,000 ดอก หรือปริมาณมากเท่ากับ 1 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว

ดอกโครคัส พบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก อาทิ ประเทศสเปน กรีซ อิหร่าน อินเดีย โมร็อกโก เป็นต้น แต่ประเทศที่ผลิตเครื่องเทศแซฟฟรอนได้มากที่สุดในโลก คือ อิหร่าน มีถึง 94 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตทั่วโลก ราคาขายส่งและขายปลีกของเครื่องเทศชนิดนี้อยู่ที่ 500-5,000 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งปอนด์ (ราว 17,000-170,000 บาท/0.45 ก.ก) หรือ 1,100-11,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 37,400 - 374,000 บาท/ก.ก.)


2. ถั่วแมคคาเดเมีย
ถั่วแมคคาเดเมีย จะให้ผลผลิตต่อเมื่อมีอายุตั้งแต่ 7-10 ปีขึ้นไป เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกันโดยมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศออสเตรเลียมากถึง 7 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีความสำคัญและมีมูลค่าในเชิงการค้ามากที่สุด มีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ Macadamia integrifolia และ Macadamia tetraphylla ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ และควีนสแลนด์ ของประเทศออสเตรเลีย ราคาขายของถั่วชนิดนี้จะอยู่ที่มากกว่า 30 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (มากกว่า 1 พันบาท/ก.ก.)

3.ไข่ปลาคาเวียร์เบลูก้า

ไข่ปลาคาเวียร์ไม่ได้มีสีดำอย่างที่หลายท่านคุ้นเคย แต่เป็นชนิดที่มีสีเทาอ่อนๆ ไล่ลงมาจนเกือบขาวตามอายุของปลา ยิ่งปลาอายุมากไข่ก็จะมีสีอ่อนลง และมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ไข่ปลาคาเวียร์อัลมาสได้มาจากปลาบลูก้า สเตอเจี้ยน" อายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป จึงถือเป็นไข่ปลาคาเวียร์ที่หายากที่สุด และมีราคาแพงที่สุด โดยมีราคาสูงถึงเกือบ 25,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ประมาณ 850,000 บาท/ก.ก.)
 
ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของเบลูก้า คาเวียร์ โดยทั่วไปในปัจจุบันจะอยู่ที่ 7,000 - 10,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 2.38 -3.4 แสนบาท/ก.ก.)

4. เห็ดทรัฟเฟิลขาว
เห็ดทรัฟเฟิลขาว มีถิ่นกำเนิดในแถบ Langhe (ลันเก้) แคว้นปีเอมอนเต ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เห็ดชนิดนี้มีราคาขายสูงถึง 1,700 - 3,800 ยูโร ต่อ 1 ก.ก. (ราว 82,000 - 183,502 บาท/ก.ก)

5. มันฝรั่ง La Bonnotte
มันฝรั่ง “La Bonnotte” ปลูกได้เฉพาะบนเกาะนีวร์มูทีเยของประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น ปีหนึ่งๆ ยังเก็บเกี่ยวได้เพียง 10 วัน อีกทั้งบอบบางมากเสียจนต้องใช้มือถอน และให้ผลผลิตเพียงปีละ 20,000 ก.ก. ด้วยเหตุนี้มันฝรั่งที่ว่าจึงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 2.3 หมื่นบาทเลยทีเดียว


6. เนื้อวัววากิว (Wagyu) จากประเทศญี่ปุ่น
วัววากิวถือเป็นวัวพื้นเมืองที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน ชาวญี่ปุ่นจะเลี้ยงดูวัวเหล่านี้อย่างดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการให้หญ้าพันธุ์ดี ธัญพีช ฟาร์มบางแห่งถึงขนาดมีการนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้วัว หรือไม่ก็ผสมสาเก หรือเบียร์ ลงไปในอาหาร เนื้อวัวหลายชนิดที่เรารู้จักกันดีอย่างเช่น เนื้อโกเบ และมัตสึซากะ ฯลฯ ก็มาจากวัววากิวเช่นกัน แต่เรียกชื่อต่างกันเพราะว่าเลี้ยงกันคนละเมือง เนื้อวัววากิวมีคุณค่าทาโภชนาการสูง และไขมันต่ำ รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น ราวกับละลายในปาก จึงมีราคาสูงมาก - ที่ยุโรปเนื้อจากวัววากิวน้ำหนักประมาณ 200 กรัม มีราคาขายสูงกว่า 34,000 บาท


7. แซนด์วิชจากคลับแซนด์วิช "von Essen Platinum"
แซนด์วิชที่ "แพงที่สุดในโลก" มาจากฝีมือนายเจมส์ พาร์คินสัน หัวหน้าเชฟของโรงแรมหรู "von Essen" ในเมืองเบิร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ หลังจากสังเกตส่วนผสมของแซนด์วิชในโรงแรมหรูห้าดาวทั่วโลกที่เขาได้มีโอกาส ไปเยี่ยมเยียน เขาจึงคิดรวบรวมส่วนผสมที่ดีที่สุดของแซนด์วิชในแต่ละโรงแรมมาไว้ในอันเดียว กัน ด้วยเหตุนี้ “von Essen Platinum Club Sandwich” ของเขาจึงกลายเป็นคลับแซนด์วิชแพงที่สุดในโลก ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น ประกอบด้วยส่วนผสมหลักคือ เนื้อไก่อย่างดี (พันธุ์ poulet de Bresse ของฝรั่งเศส) แฮม Iberian ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฮมหายากคุณภาพเยี่ยมจากประเทศสเปน เห็ดทรัฟเฟิลขาวและมะเขือเทศจากประเทศอิตาลี ไข่นกกระทาต้มสุก และขนมปังที่ผลิตจากแป้งชนิดพิเศษ จำหน่ายในราคาอันละ 100 ปอนด์ หรือกว่า 5.5 พันบาท ถ้าใครอยากลองทานว่าจะเด็ดสักแค่ไหน ก็ไปพิสูจน์ได้ที่ภัตตาคาร "Cliveden’s Waldo" ของโรงแรม "von Essen"

8.พิซซ่า Luis XIII
พิซซ่า "Louis XIII" ฝีมือเชฟหนุ่มชาวอิตาลีที่ชื่อ "เรนาโต้ วิโอล่า" มีขนาด 8 นิ้ว ก่อนทำต้องใช้เวลาในการเตรียมแป้งเป็นเวลานานถึง 72 ช.ม. ขณะที่ท็อปปิ้งหรือหน้าพิซซ่าล้วนมาจากส่วนผสมคุณภาพเยี่ยม อาทิ ชีส mozzarella di bufala ไข่ปลาคาเวียร์ 3 ชนิด กุ้งล็อบสเตอร์จาก Cilento (ในอิตาลี) และประเทศนอร์เวย์ โรยหน้าด้วยเกลือสีชมพูที่มาจากแม่น้ำ Murray ในประเทศออสเตรเลีย ฯลฯ จำหน่ายในราคาอันละ 8,300 ยูโรหรือเกือบ 4 แสนบาท โดยราคานี้รวมค่าตัวเชฟและผู้ช่วยอีก 2 คน ที่จะหอบข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆ ไปทำพิซซ่าถึงบ้านลูกค้าเลยทีเดียว


9.ออมเล็ตของภัตตาคาร Le Parker Meridien ในกรุงนิวยอร์ค
"ออมเล็ต" หรือไข่คน แพงที่สุดในโลกหารับประทานได้ที่ภัตตาคาร "Le Parker Meridien" ในกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ที่นั่นขายออมเล็ตจานละ 1,000 เหรียญ หรือประมาณ 34,000 บาท ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก ได้แก่ ไข่ปลาคาเวียร์ (sevruga) น้ำหนัก 10 ออนซ์ กุ้งล็อบสเตอร์ทั้งตัว และไข่อีก 6 ฟอง เป็นต้น (เขาว่าถ้านำส่วนผสมทั้งหมด มาทำเองที่บ้าน ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ราวๆ 700 เหรียญ หรือประมาณ 23,800 บาท)


10. ไอศครีม ซันเดย์ ของร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน

ไอศครีมช็อคโกแลตซันเดย์  “Frrrozen Haute Chocolate” ถ้วยนี้ ได้รับการจดบันทึกลงในกินเนสบุ้ค ออฟ เวิล์ด เรคคอร์ด ว่าเป็น "ขนมหวานแพงที่สุดในโลก" มีจำหน่ายที่ร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน กลางกรุนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา มีส่วนผสมของโกโก้พันธุ์ดีและหายากมากๆจำนวน 28 ผล ซึ่งในจำนวนนี้มี 14 ผลที่เป็นโกโก้ที่แพงที่สุด และทองคำ 23 เคชนิดทานได้น้ำหนัก 5 กรัม รวมทั้งบรรจุลงในถ้วยทองคำที่มีแผ่นทองคำชนิดทานได้รองอยู่ภายในถ้วย นอกจากนี้บริเวณฐานของถ้วยไอศครีมยังตกแต่งด้วยสร้องทอง 18 เค พร้อมกับเพชรแท้สีขาวอีก 1 กะรัต จึงทำให้ “Frrrozen Haute Chocolate” มีราคาถ้วยละ 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 850,000 บาท

อ้างอิง

 http://board.postjung.com/616754.html


การบินไทยคว้าที่ 5 สายการบินดีที่สุดในโลก




การบินไทยคว้าที่ 5 สายการบินดีที่สุดในโลก





สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าว การมอบรางวัลสายการบินที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งสายการบินไทย ได้อันดับที่ 5 มาครองพร้อมอีก 2 รางวัลย่อย
โดยการจัดอันดับนี้จัดขึ้นโดยสถาบันสกายแทรกซ์ ในงานปารีส แอร์ โชว์ ซึ่งผู้ร่วมโหวต คือ ผู้โดยสารกว่า 18.8 ล้านคน จากกว่า 100 เชื้อชาติ ใช้เวลากว่า 10 เดือน


สายการบินที่คว้าแชมป์ที่ 1 ไปได้คือ สายการบินกาตาร์ แอร์ไลน์
อันดับที่ 2 คือ สิงคโปร์ แอร์ไลน์
อันดับที่ 3 คือ เอเซียน่า แอร์ไลน์
อันดับที่ 4 คือ คาเทย์ แปซิฟิก แอร์เวย์ิ
อันดับที่ 5 คือ สายการบินไทย
อันดับที่ 6 คือ เอทิฮัด แอร์เวย์
อันดับที่ 7 คือ แอร์ นิวซีแลนด์
อันดับที่ 8 คือ แควนตัส แอร์เวย์
อันดับที่ 9 คือ เตอร์กิส แอร์ไลน์
และอันดับที่ 10 คือ สายการบินเอมิเรต

อ้างอิง

http://www.xn--12c1bij4d1a0fza6gi5c.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-5-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81.html

20 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ปี 2554



              20 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ปี 2554





  เกาะช้าง

          เกาะช้าง...เกาะยอดฮิตตลอดกาล อาจเพราะมีธรรมชาติอันงดงามทั้งบนบกและในทะเล มีหาดทรายขาวละเอียดที่สะอาดบริสุทธิ์ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่สำคัญคือสามารถไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ ความงดงามของ เกาะช้าง หรือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จังหวัดตราด เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ก็ยังคงสวยงามเสมอ 

          ทั้งนี้ สภาพโดยรวมบนเกาะช้างพื้นที่กลางเกาะเป็นภูเขาและป่าดิบชื้น มีที่ราบอยู่ตามขอบเกาะก่อนถึงชายหาดของอ่าวต่าง ๆ ที่ราบเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสวนมะพร้าว สวนยางพารา และสวนผลไม้อื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ของเกาะช้างเป็นภูเขาสูง มีหินผาสลับซับซ้อน ยอดเขาที่สูงที่สุด ได้แก่ ยอดเขาสลักเพชร อันเป็นแหล่งกำเนิดของน้ำตกและลำธารหลายสาย ที่หล่อเลี้ยงผู้คนและสรรพชีวิตบนเกาะ และมีพื้นที่บางส่วนที่เป็นสวนยางพาราและสวนผลไม้ด้วย

          สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะช้างก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หาดทรายขาว หาดคลองพร้าว หาดไก่แบ้, บ้านสลักคอก, อ่าวสลักเพชร – บ้านสลักเพชร,บริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง, หาดบางเบ้า – หมู่บ้านประมงบางเบ้า ฯลฯ และมีเกาะขนาดเล็กรายล้อมอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับท่องเที่ยวเกาะช้าง คือ ช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน เพราะเป็นช่วงคลื่นลมสงบ ส่วนช่วงเวลาระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน เป็นช่วงฤดูมรสุม ทะเลมีคลื่นลมแรง โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม ส่วนเดือนสิงหาคมมีฝนตกชุกที่สุด นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบสภาพอากาศและคลื่นลมในทะเลก่อนเดินทาง

 เขาใหญ่

          เรียกได้ว่าชื่อของ เขาใหญ่ หรือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มักติดโผสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยเสมอ เพราะธรรมชาติที่เขียวขจีของผืนป่า ความเย็นฉ่ำของน้ำตก ความสดชื่นขอสายน้ำ ทำให้นักเดินทางมักแวะเวียนไปท่องเที่ยว ซึ่งเขาใหญ่มีอาณาเขตครอบคลุม 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี  นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานานาชนิด ตลอดจนมีลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้เขาใหญ่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ในปี 2548

          สำหรับลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง และยังประกอบด้วยทุ่งกว้างสลับกับป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ในฤดูร้อนดอกไม้ป่ามีหลากสีบานสะพรั่ง บ้างออกผลตามฤดูกาล ฤดูฝนป่าไม้ทุ่งหญ้าเขียวขจี น้ำตกทุกแห่งไหลแรงส่งเสียงดังก้องป่า และฤดูหนาวช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวมากที่สุด ท้องฟ้าแจ่มใส ป่าไม้เขียวขจี

          ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่, น้ำตกกองแก้ว, น้ำตกผากล้วยไม้, น้ำตกเหวสุวัต, หอดูสัตว์, น้ำตกเหวนรก นอกจากนี้ บริเวณใกล้ ๆ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวชิค ๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น Palio, The SmokeHouse, Primo Posto, ตลาดน้ำกลางดง และฟาร์มโชคชัย ฯลฯ 

          ทั้งนี้ อุทยานฯ มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว วันละ 2,000 คน ดังนั้น ผู้ประสงค์จะเข้าไปเที่ยวในอุทยานฯ กรุณาสอบถามหรือติดต่อล่วงหน้าที่ โทรศัพท์0 3736 5033, 08 1877 3127, 08 6092 6531 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

 เกาะล้าน

          ใครจะเชื่อว่าทะเลที่อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่มากนัก จะมีน้ำทะเลที่ใสสะอาด หาดทรายขาวนวลชวนสัมผัสซะขนาดนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจหาก เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี จะกลายเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ที่เหล่าบรรดานักเดินทาง ต่างพากันแวะเวียนไปเยือนตลอดทั้งปี 

          อีกทั้งบนเกาะล้านยังมีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นหาดตาแหวน, หาดสังวาลย์, หาดทองหลาง, หาดแสม และหาดเทียนหาดนวล ซึ่งส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ เพราะน้ำทะเลที่เกาะล้านนี้ใสมาก ๆ แถมยังเย็นชื่นใจอีกด้วย หรือจะเลือกไปดำน้ำดูปะการัง เล่นกีฬาทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็น "เรือลากร่มชูชีพ" สำหรับผู้ที่ชอบหวาดเสียว "เรือสกี" สำหรับผู้ที่ชอบความท้าทาย หรือจะเลือกมันส์ไปกับ "สกู๊ตเตอร์" ก็ไม่มีใครว่า

          หากเล่นทะเลจนเบื่อแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปกินลมชมวิวชิว ๆ กันต่อที่ "จุดชมวิวเขานม" เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเกาะล้าน ตั้งอยู่บริเวณเขานมใกล้ ๆ กับหาดแสม นักท่องเที่ยวสามารถเดิน หรือใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างขึ้นไปชมความสวย งามของท้องทะเลสีครามกับตัวเมืองพัทยา ที่ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ได้งดงามกลมกลืน ดุจภาพวาดที่ทุกคนต้องประทับใจ 

 เกาะเสม็ด

          เกาะงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย สำหรับ เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง เสน่ห์มัดใจของที่นี่ นอกจากจะมีชายหาดขาวสะอาด น้ำทะเลเย็นใสน่าสัมผัสแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกทั้งยามกลางวันและค่ำคืน ที่สำคัญการเดินทางไปก็ไม่ยากนัก เพราะอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ เท่าไรด้วยนะ นอกจากนี้ ภายในเกาะเสม็ด ยังประกอบไปด้วยชายหาดและอ่าวต่าง ๆ ที่เรียงรายยาวสุดลูกลูกตา ที่นักท่องเที่ยวต่างการันตีว่า ถ้าไปถึงแล้วแทบจะไม่อยากกลับเลยทีเดียว

          เกาะเสม็ด มีหาดทรายธรรมชาติสวยงามที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ได้แก่ หาดทรายแก้ว อ่าวน้อยหน่า อ่าวลูกโยน อ่าวไผ่ อ่าวพุทรา อ่าวทับทิม อ่าวลุงดำ อ่าวช่อ อ่าวตะวัน อ่าววงเดือน อ่าวเทียน อ่าวหวาย อ่าวกิ่ว อ่าวปะการัง อ่าวกะรัง และอ่าวพร้าว นอกจากนี้ เกาะเสม็ดยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีที่พักหลากหลายรูปแบบจำนวนมาก ที่ราคาไม่แพงนัก จึงถือเป็นเกาะเปี่ยมเสน่ห์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบอีกแห่งหนึ่งในปัจจุบัน

          ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับท่องเที่ยวเกาะเสม็ด คือ ช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงคลื่นลมสงบ ส่วนช่วงเวลาระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน เป็นช่วงฤดูมรสุม ทะเลมีคลื่นลมแรง โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม ส่วนเดือนสิงหาคมมีฝนตกชุกที่สุด นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบสภาพอากาศและคลื่นลมในทะเลก่อนเดินทาง

 เกาะสีชัง

          ถึงแม้ว่าชื่อจะน่าชัง แต่ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ทำให้ เกาะสีชัง ติดเข้าโผสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเกาะสีชังเป็นเกาะใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ และเป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้ ชุมชนเกาะสีชังอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ เป็นที่ตั้งของท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง) และเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือสกายแล็ปไปยังจุดอื่น ๆ 

          บนเกาะสีชังจุดท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่, มณฑปรอยพระพุทธบาท, ช่องเขาขาด, พระจุฑาธุชราชฐาน, หาดถ้ำเขาพัง เป็นต้น ทั้งนี้ การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชังอยู่ห่างกันพอสมควร จะสะดวกมากหากจะเช่ารถสามล้อเครื่องจากท่าเทียบเรือไปชมสถานที่ต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษก็เที่ยวได้ทั่วเกาะ ค่าเช่ารถสามล้อเครื่อง คิดเป็นรอบ ๆ ละประมาณ 150-250 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและระยะทาง

 ปาย

          ไม่ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมคงแปลกไม่น้อย สำหรับ “ปาย” อำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ชื่อเสียงกลับไม่เล็กตามไปด้วย เพราะถือว่าเป็นอำเภอที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวมากที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ในอดีตเมืองปายมักรู้จักเฉพาะกันเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งต่อมา ก็เป็นที่นิยมท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทย และเมืองปายถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

          เสน่ห์ที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสเมืองปาย นอกจากธรรมชาติอันร่มรื่นแล้ว การเดินชิล ๆ บนถนนคนเดินปายก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน ถนนชัยสงครามบริเวณท่ารถปายทั้งเส้นจะปิดการจราจร ให้นักท่องเที่ยวเดินเลือกซื้อสินค้า ทั้งจากสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นของชาวเขา ตลอดจนสินค้าอื่น ๆ ทั่วไป โดยเฉพาะของฝาก ของที่ระลึก เสื้อผ้า รูปภาพ โปสการ์ด ตลอดจนร้านอาหาร ที่พัก แหล่งบันเทิงต่าง ๆ จะมีอยู่เรียงรายในถนนเส้นนี้ แต่กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวยอดนิยม คือการเขียนโปสการ์ดส่งไปจากปาย จึงทำให้มีร้านโปสการ์ดและร้านกาแฟ มีอยู่ทั่วไปในถนนคนเดิน

 น่าน

          จังหวัดเล็ก ๆ ที่ยังคงกลิ่นอายของศิลปวัฒนธรรมล้านนาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม จึงเป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวอยากไปสัมผัสอดีตกาล ณ น่าน ดินแดนในอ้อมกอดของขุนเขาด้านตะวันออกของภาคเหนือ อุดมด้วยธรรมชาติผืนป่า สายน้ำ ทะเลหมอก หล่อหลอมรวมกับวิถีวัฒนธรรมของผู้คนชาวไทยลื้อ ทำให้เสน่ห์ของน่านไม่ได้มีเพียงธรรมชาติอันพิสุทธิ์ แต่ยังมีศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ที่แฝงด้วยแรงศรัทธาในพุทธศาสนา และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

          ปัจจุบัน เมืองน่านยังคงดำเนินวิถีชีวิตอย่างสงบสุขและเรียบง่าย ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพิงเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก ซึ่งความเรียบง่ายเหล่านี้ เป็นเสน่ห์ที่สำคัญของเมืองน่าน ที่ทำให้ใคร ๆ ก็ต่างอยากเดินทางไปท่องเที่ยวสักครั้ง และถึงแม้จะเป็นเมืองเล็ก แต่น่านก็มีเสน่ห์เรื่องอาหารการกินอยู่ไม่ใช่น้อย มีอาหารพื้นเมืองชาวเหนือให้ได้ลองชิมกัน

          ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดน่านมีหลายรูปแบบ ทั้งวัดวาอาราม โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น วัดพระธาตุแช่แห้ง, วัดพระธาตุช้างค้ำ, วัดภูมินทร์, อุทยานแห่งชาติภูคา, อุทยานแห่งชาติศรีน่าน และผาชู้ เป็นต้น โดยเฉพาะการไปชมความงดงามของ “ดอกชมพูภูคา” ดอกไม้ใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่งของโลก ที่มักออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งทั้งต้น คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมของทุกปี ณ อุทยานแห่งชาติภูคา

 ม่อนแจ่ม

          นาทีนี้ไม่พูดถึง ม่อนแจ่ม คงไม่ได้ เพราะกำลังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ไปซะแล้ว ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม มองเห็นวิวทิวเขาซับซับซ้อน แถมยามค่ำคืนฟากฟ้าแวดล้อมไปด้วยดวงดารา ส่องแสงประกายระยิบระยับ จึงทำให้ม่อนแจ่มเข้าไปอยู่ในใจใครหลาย ๆ คน 

          ม่อนแจ่ม คือสถานที่พักแห่งใหม่ของโครงการหลวง เป็นพื้นที่บนสันเขาในระดับความสูงประมาณ 1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในรูปแบบแคมปิ้ง รีสอร์ท ที่กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังพิเศษตรงที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพราะเพียงแค่คุณเปิดหน้าต่าง สายลมเย็น ๆ วิวขุนเขา สายหมอก ก็โผล่รอต้อนรับ แถมยามค่ำคืนดาวน้อยใหญ่จะค่อย ๆ ส่องประกายแวววับให้มองเพลิน ๆ ซะด้วย

          แถมที่ม่อนแจ่มยังมีร้านอาหารที่นำผลิตผลท้องถิ่นที่ปลูกเอง มาปรุงให้รับประทานกันด้วย ผัก ๆ สด ๆ หวานกรอบ หาชิมยากในเมืองกรุง และถ้ากินอิ่มแล้วอยากยืดแข้งขืดขา ก็สามารถไปเดินชมแปลงสตรอเบอร์รีผลสีแดงสด...ว้าว!    

 ภูทับเบิก

          แปลงปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลหมอกขาวโพรนไกลสุดลูกหูลูกตา คงเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงนักสำหรับ “ภูทับเบิก” จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นจุดที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ มีความสูงจากระดับทะเลประมาณ 1,768 เมตร และมีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา มีอากาศบริสุทธิ์ สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากร่องลมเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยและอยู่บนที่สูง จึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล ตอนเช้ามีกลุ่มเมฆ และทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์ 

          ปัจจุบัน ภูทับเบิกเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านทับเบิก หมู่ 14 และหมู่ 16 โดยอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ในราวเดือนธันวาคม-มกราคม จะมีดอกซากุระหรือนางพญาเสือโครงสีชมพูบานสะพรั่งไปทั้งภูเขา

          นอกจากนี้ ในยามค่ำคืนยังมองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากบ้านเรือนในอำเภอหล่มสักที่อยู่เบื้องล่าง เปรียบได้กับ “ดาวบนดิน” จากสภาพดังกล่าว ทำให้ภูทับเบิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็น วิถีชีวิตชาวเขา และแหล่งธรรมชาติบริสุทธิ์ ภายใต้คำกล่าวที่ว่า “นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน”

 ดอยอ่างขาง

          อาจเพราะอากาศบนดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ หนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศจะเย็นจนน้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็ง แถมดอกไม้นานาพันธุ์ยังสับเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วทั้งดอย เช่น ต้นดอกนางพญาเสือโคร่ง อีกทั้งมีกิจกรรมท่องเที่ยวหลายอย่างที่สามารถทำได้ เช่น เดินเท้าศึกษาธรรมชาติ ขี่ล่อล่องไพร เป็นต้น จึงไม่แปลกที่ดอยอ่างขางจะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 

          ส่วนสถานที่น่าสนใจบนดอยมีหลายแห่ง ได้แก่ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง มีพรรณไม้ที่ปลูกมากมาย เช่น ไม้ผลอย่างบ๊วย ท้อ พลัม พลับ กีวี กาแฟพันธุ์อาราบิกา, ไม้ดอก เช่น แกลดิโอลัส เยอบีราพันธุ์ยุโรป สแตติส, ผัก เช่น ซูกินี เบบีแครอต กระเทียมต้น หอมญี่ปุ่น ผักกาดฝรั่ง ถั่วแดงหลวง ฯลฯ นอกจากนี้ ที่สถานีฯ ยังเป็นแหล่งเที่ยวชมวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านชาวไทยภูเขาต่าง ๆ ได้แก่ เผ่ามูเซอดำ ปะหล่อง และจีนฮ่อ รวมทั้งชมความงามตามธรรมชาติของผืนป่า กิจกรรมดูนกซึ่งมีนกทั้งนกประจำถิ่นและนกหายากต่างถิ่น

          พร้อมผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย งานส่งเสริมเกษตรกรจำหน่ายใต้ตราสินค้า "ดอยคำ" และที่พักทั้งในรูปแบบรีสอร์ท บ้านพักแบบกระท่อมและลานกางเต็นท์พร้อมอาหารและเครื่องดื่มบริการ, สวนบอนไซ อยู่ในบริเวณสถานีฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ และจุดชมวิวกิ่วลม ที่สามารถชมทะเลหมอกและวิวพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตก มองเห็นทิวเขารอบด้านและหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย

  ดอยอินทนนท์

          สุดยอดขุนเขาสูงสุดในสยามนามดอยอินทนนท์ งดงามด้วยพรรณพฤกษาและบรรยากาศเทือกดอยหนาวเย็นดึงดูดใจ ชื่อของดอยอินทนนท์จึงติดอยู่ในอันดับที่นักเดินทางคิดถึงเมื่อนึกจะไปท่องเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ เสมอ ทั้งนี้ ดอยอินทนนท์เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยซึ่งพาดผ่านจากประเทศเนปาล ภูฐาน พม่า และมาสิ้นสุดที่จังหวัดเชียงใหม่ สิ่งที่น่าสนใจของดอยนี้ไม่เพียงแต่เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยความสูง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางเท่านั้น แต่สภาพภูมิประเทศและสภาพป่าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ป่าสน ป่าเบญจพรรณ และอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมเกือบทั้งวัน และบางครั้งน้ำค้างยังกลายเป็นน้ำค้างแข็ง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนที่นี่อย่างไม่ขาดสาย

          สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ น้ำตกแม่ยะ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงามมากแห่งหนึ่ง, น้ำตกแม่กลาง มีน้ำไหลตลอดปี มีความสวยงามตามธรรมชาติ, ถ้ำบริจินดา เพดานถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในถ้ำด้วย, น้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ น้ำจะดิ่งจากผาด้านบนตกลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง, น้ำตกสิริภูมิ เป็นสายน้ำตกแฝดไหลลงมาคู่กันแต่เดิมเรียกว่า “เลาลึ” ตามชื่อของหัวหน้าหมู่บ้านม้งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ น้ำตก

          โครงการหลวงดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ในบริเวณดอยอินทนนท์ สถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์เป็นสถานีวิจัยดอกไม้เมืองหนาวเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีโครงการวิจัยสตรอว์เบอรรี โครงการศึกษาและรวบรวมพันธุ์เฟินชนิดต่าง ๆ โครงการวิจัยกาแฟ โครงการวิจัยฝรั่งคั้นน้ำ ไม้ และยังมีพืชผักสมุนไพร และไม้ผลขนาดเล็ก ซึ่งจัดจำหน่ายภายใต้ตรา "ดอยคำ", พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย พระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อพ.ศ.2530 และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ

          ยอดดอยอินทนนท์ จุดสิ้นสุดของทางหลวงหมายเลข 1009 เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,565 เมตร) มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทย และเป็นที่ประดิษฐานสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้ายซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของป่าไม้และหวงแหนดอยหลวงเป็นอย่างมากต้องการที่จะอนุรักษ์ไว้จนชั่วลูกชั่วหลาน ท่านผูกพันกับที่นี่มากจึงสั่งว่าหากสิ้นพระชนม์ไปแล้วให้แบ่งเอาอัฐิส่วนหนึ่งมาไว้ที่นี่, น้ำตกห้วยทรายเหลือง เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีน้ำไหลแรงตลอดปี, น้ำตกแม่ปาน นับว่าเป็นน้ำตกที่ยาวที่สุดของเชียงใหม่ก็ว่าได้ ตกลงมายังเบื้องล่างกระทบโขดหินแตกเป็นฟองกระจายไปทั่วบริเวณทำให้มีความชุ่มชื้น, เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์ที่กิ่วแม่ปานและอ่างกาหลวง

 ภูกระดึง

          ภูกระดึง ... แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลายทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและหน้าผาชมทิวทัศน์ เส้นทางขึ้นภูกระดึง ทางขึ้นค่อนข้างชันแต่จะมีจุดแวะพักที่ “ซำ” หมายถึง บริเวณที่มีแหล่งน้ำใต้ดินผุดขึ้นมาแต่ละจุดมีเครื่องดื่มและอาหารบริการ

          จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนภูกระดึง ได้แก่ ผานกแอ่น เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามมากแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา, ผาหล่มสัก เป็นลานหินกว้าง และมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด จึงทำให้นักท่องเที่ยว ช่างภาพนิยมไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ผาแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึง นอกจากนี้ ยังมี ผาหมากดูก น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกธารสวรรค์ น้ำตกถ้ำสอเหนือ น้ำตกถ้ำสอใต้ สระอโนดาต เป็นต้น

  หัวหิน

          หัวหิน...เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชื่อเสียงในฐานะเป็นสถานตากอากาศที่สวยงาม นับเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศริมทะเลที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับต้น ๆ สำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนกรุงเทพฯ เพราะนอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลากหลายรูปแบบ มีที่พัก รีสอร์ต และโรงแรมชั้นนำมากมาย

          นอกจากการเดินทางและคมนาคมสะดวกสบายแล้ว หัวหินยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไป-กลับได้ในวันเดียว ทั้งยังสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี จึงถือเป็นเมืองท่องเที่ยวเปี่ยมเสน่ห์ที่สมบูรณ์แบบอีกแห่งหนึ่งในปัจจุบัน

 เกาะพีพี

          เกาะพีพี หมู่เกาะกลางทะเลอันดามันของไทย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ เป็นอัญมณีเลอค่าแห่งทะเลอันดามัน ที่ในวันนี้โด่งดังติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก ด้วยความงดงามของเวิ้งอ่าวคู่ของอ่าวต้นไทร และอ่าวโละดาลัมอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ บวกกับทะเลในสีเขียวมรกตสวยใส ที่โอบล้อมหาดทรายขาวนวลละเอียดราวแป้งของอ่าวมาหยา พร้อมแนวปะการังและสรรพชีวิตหลากสีสันนานาพันธุ์ในโลกใต้ทะเล สิ่งเหล่านี้คือแม่เหล็กที่ดึงดูดให้นักเดินทางนับล้านชีวิตจากทั่วทุกมุมโลกหลั่งไหลมายังหมู่เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ เพื่อจะมาเยี่ยมเยือนและสัมผัสให้เห็นกับตาตัวเองว่า หมู่เกาะพีพีนั้น งดงามสมกับที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นเกาะที่สวยงามติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และคู่ควรกับที่ได้ฉายาว่า “มรกตแห่งอันดามัน สวรรค์เกาะพีพี” เพียงไร

          เกาะพีพี ประกอบด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ เกาะพีพีดอนและเกาะพีพีเล แต่ศูนย์กลางของหมู่เกาะพีพีอยู่ที่เกาะพีพีดอน โดยมีอ่าวต้นไทรเป็นที่ตั้งของท่าเรือเกาะพีพี มีที่พักและร้านค้าต่าง ๆ ตั้งอยู่หนาแน่น และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าจากอ่าวต้นไทรขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขาความสูง 180 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่มองเห็นเวิ้งอ่าวคู่ของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัมอันสวยงามและโด่งดังไปทั่วโลกได้ นอกจากเวิ้งอ่าวคู่แล้ว ที่เกาะพีพีเลยังมีทะเลในสีมรกตและอ่าวมาหยาที่งดงามโดดเด่นอยู่ในอ้อมกอดของเขาหินปูน นอกจากนี้ บริเวณเกาะพีพีเลยังเป็นจุดดำน้ำตื้นและน้ำลึกที่สวยงามและเป็นที่นิยมแห่งหนึ่งด้วย

 เกาะหลีเป๊ะ

          ความใสสะอาดของน้ำทะเล ตัดท้องฟ้าสีคราม หาดทรายสีขาวนวลละออ ทำให้นักท่องเที่ยวมุ่งหน้าสู่ภาคใต้มายัง จังหวัดสตูล เพื่อไปสัมผัสกับความงดงามของ เกาะหลีเป๊ะ หรือที่เค้าเรียกกันว่า "มัลดีฟส์เมืองไทย" เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ ซึ่งมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นชาวเล (ชนเผ่าอุรักลาโว้ย) บนเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง รอบเกาะเต็มไปด้วยปะการังอันสมบูรณ์ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียด เป็นศูนย์กลางของความสะดวกสบายมากมายทั้งที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวยามค่ำคืนครบครัน

          เกาะสิเป๊ะ หรือ เกาะหลีเป๊ะ อยู่ทางใต้ของเกาะอาดัง 2 กิโลเมตร มีชุมชนชาวเลอาศัยอยู่หลายครัวเรือน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการประมง ในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 6 และเดือน 12 ตลอด 3 วัน 3 คืน ชาวบ้านทีมีเชื้อสายชาวเลจะร่วมกันจัดงานรื่นเริง และที่สำคัญที่สุดคือ ชาวบ้านจะช่วยกันต่อเรือด้วยไม้ระกำ และประกอบพิธีลอยเรือด้วยเป็นความเชื่อว่าเป็นการเสี่ยงทายโชคชะตาในการประกอบอาชีพประมง

          จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ ความเป็นธรรมชาติของปะการังรอบเกาะ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มเหมือนแป้ง มีอ่าวที่สวยงามชื่อ "อ่าวพัทยา"และ "หาดชาวเล" มีลักษณะโค้งเว้า ทรายขาวละเอียด ซึ่งทั้งสองหาดนี้สามารถเดินถึงกันได้โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที และยังมีบริการบ้านพักของเอกชนคอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

 เกาะสมุย

          เกาะสมุย จังหวัดราษฎร์ธานี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศอีกแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เพราะมีธรรมชาติอันงดงาม มีหาดทรายขาวละเอียดที่สะอาดบริสุทธิ์ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบครบครัน ทั้งที่พักหลากหลายรูปแบบจำนวนมาก มีการคมนาคมที่สะดวก และมีสนามบินเป็นของตัวเอง ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว และเติมเต็มให้เกาะแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ ปัจจุบันเกาะสมุยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของทะเลอ่าวไทยตอนใต้ ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลั่งไหลไปเยี่ยมเยือนปีละหลายล้านคน

          สมุยมีหาดทรายธรรมชาติสวยงามที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น หาดเฉวง หาดละไม หาดตลิ่งงาม และหาดนาเทียน และมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ทั้งป่าไม้และแหล่งน้ำ นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวและศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่สร้างเสน่ห์ให้กับเกาะแห่งนี้เป็นอย่างมาก ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับท่องเที่ยวเกาะสมุยคือ ช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงคลื่นลมสงบ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดจริง ๆ คือ เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกน้อยที่สุด ส่วนช่วงเวลาระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เป็นช่วงฤดูมรสุม ทะเลมีคลื่นลมแรง นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบสภาพอากาศและคลื่นลมในทะเลก่อนเดินทาง

 อัมพวา

          อัมพวา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรสงคราม บรรยากาศของที่นี่จะร่มรื่นไปด้วยสวนผสมริมน้ำ โดยเราสามารถหลบร้อนไปลงเรือล่องคลองชมสวน สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ชิมผลไม้ต่างๆ หรือซื้อกลับไปกินบ้านให้ชื่นฉ่ำใจก็ได้ไม่มีใครว่า หรือจะเลือกปั่นจักรยานเช่าถีบไปคู่ขนานกับท้องร่อง ก็ได้อรรถรสอีกแบบหนึ่ง และตกเย็นการท่องเที่ยวยังไม่จบสิ้น และเป็นไฮไลต์ของการเยือนอัมพวาเลยทีเดียว นั่นคือ การชมและชิมอาหารหลากหลายที่"ตลาดน้ำอัมพวา" เป็นตลาดริมคลอง ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม ซึ่งเปิดทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ ในช่วงเวลาเย็นตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00 - 20.00 น. ในคลองอัมพวาจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่ม บรรยากาศสบาย ๆ มีเพลงฟัง จากเสียงตามสายของชาวชุมชน ประชาชนสามารถเดินเที่ยวชมตลาดหาซื้ออาหารรับประทานและเช่าเรือไปเที่ยวชมดูหิงห้อยในยามค่ำคืนได้

 เกาะเกร็ด

          เกาะเกร็ด เกาะกลางลำน้ำเจ้าพระยา จังหวัดนนทบุรี รู้จักกันดีในฐานะแหล่งชุมชนคนมอญ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องปั้นดิน เผา และประเพณีวัฒนธรรมแบบพื้นบ้านดั้งเดิม ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการจุดลูกหนู งานตักบาตรทางน้ำ เป็นต้น 

          อย่างไรก็ตาม หลายปีให้หลังมานี่ การท่องเที่ยวเกาะเกร็ดดูเหมือนจะเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ปกติถ้าไปเที่ยวในวันเสาร์ – อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ บนเกาะจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ร้านค้า ร้านอาหารก็ดูจะคึกคักสุด ๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวบนเกาะเกร็ด ก็จะมีทั้งมาเดินเที่ยว ช้อปปิ้ง หาของอร่อย ๆ กิน บ้างก็เลือกนั่งเรือชมรอบเกาะ ทำเอาเพลิดเพลินใจไปอีกแบบ ทั้งนี้ เกาะเกร็ดจะเปิดเวลาประมาณ 9.00 - 17.30 น. ส่วนการคมนาคมบนเกาะจะใช้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์

 สวนผึ้ง

          สวนผึ้ง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดราชบุรี ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ ภูเขา และน้ำตก พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ราบสูง ภูมิประเทศของสวนผึ้งนั้นขนาบด้วยเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นพรมแดนทางตะวันตกกั้นระหว่างประเทศไทยกับพม่า การเดินทางสะดวก ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงกว่า ๆ จากกรุงเทพฯ ก็ถึงแล้ว

          สถานที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลาย ทั้งจากธรรมชาติสร้างและฝีมือมนุษย์รังสรรค์ ที่สำคัญมาเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปีโดยเฉพาะหน้าหนาวอากาศจะดีมาก ๆ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็มีอยู่มากมายหลายแห่ง เช่น โป่งยุบ เป็นการยุบตัวของพื้นดินที่มีลักษณะเป็นหลุม มีความลึกประมาณ 3-5 เมตร เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก, บ้านเทียนหอม หนึ่งในของที่ระลึกที่ไม่ซื้อไม่ได้ถ้าไปถึงสวนผึ้งก็คือ เทียนหอมสารพัดลวดลายหลากหลายสีสัน แถมยังมีร้านเสื้อเพ้นท์สดลวดลายสวยงามน่ารัก ใส่แล้วไม่ซ้ำใครแน่นอนเพราะเค้าเพ้นท์มาแบบละตัวเท่านั้น

          ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ลักษณะเป็นลำธารเล็ก ๆ มีน้ำไหลซึมออกมาจากตาน้ำใต้ดินไม่ขาดสาย มีน้ำไหลตลอดปี อุณหภูมิของน้ำจะประมาณ 65 องศาเซลเซียส ไม่ร้อนมากพอที่จะต้มไข่สุกได้, น้ำตกเก้าชั้น หรือ น้ำตกเก้าโจน มีทั้งหมด 14 ชั้น แต่สามารถเที่ยวได้เพียง 9 ชั้นเท่านั้น ในฤดูฝนจะมีน้ำมาก หินบริเวณน้ำตกชั้นต่าง ๆ เป็นหินแกรนิต มีจุดกางเต้นท์ให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ด้านบน และสวนผึ้งออร์คิด ใครชอบกล้วยไม้ไม่ควรพลาด เพราะเป็นศูนย์รวม แวนด้า แอสโดเซนด้า ลูกผสมหลากสี สวยงาม มีให้เลือกกันอย่างมากมาย ชอบต้นไหนก็ซื้อกลับบ้านได้เลย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยยันหลักพัน 

 เชียงคาน

          เชียงคาน อำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดเลย ยังคงอารยธรรมแห่งลุ่มน้ำโขง ที่ผสมผสานกับความทันสมัยของโลกปัจจุบันได้อย่างลงตัว ความเงียบสงบของเมือง ความน่ารักของผู้คน ที่ยังดำรงวิถีชีวิตแบบราบเรียบ และกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างแนบแน่นดีเยี่ยม รวมไปถึงทัศนียภาพพริมฝั่งโขงที่สวยงาม คงเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้นักเดินทางมักแวะเวียนไปต้องมนต์เสน่ห์ ณ เชียงคาน

          ปัจจุบันแม้ว่าบ้านเรือนอาคารต่าง ๆ ภายใน เชียงคาน จะดัดแปลงมาทำโรงแรม เกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แกลอรี่ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายโปสต์การ์ด ฯลฯ แต่ความเป็นเชียงคานก็ยังคงอยู่เฉกเช่นวันวาน วัฒธรรมการตักบาตรข้าวเหนียวยามเช้าแบบเมืองหลวงพระบาง ที่เชียงคานก็มีให้เห็นเหมือนเคย ในช่วงเวลาประมาณ 06.00 – 06.30 น. จะมีผู้คนมารอใส่บาตรข้าวเหนียวยามเช้าเป็นประจำทุกวัน

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเที่ยวแจ่ม ๆ ของ เชียงคาน ได้แก่ วัดศรีคุณเมือง เป็นแหล่งรวมงานศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้างดังจะเห็นได้จากโบสถ์ ซึ่งหลังคาลดหลั่นอย่างศิลปะล้านนา, วัดท่าแขก เป็นวัดเก่าแก่โบราณ ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูป 3 องค์ สกัดจากหินแกรนิตทั้งก้อน หน้าตักกว้าง 2 ศอก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก, พระพุทธบาทภูควายเงิน เป็นรอยพระพุทธบาทที่ตั้งอยู่บนหินลับพร้า (หินลับมีด) ประชาชนเคารพนับถือมาก จะมีงานเทศกาลประจำปีในวันเพ็ญเดือน 3 หรือเดือน 4 ของทุกปี, พระใหญ่ภูคกงิ้ว เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระพุทธนวมินทรมงคลลีลา ทวินคราภิรักษ์ ประดิษฐานอยู่บนเนินเขาบริเวณปากลำน้ำเหืองจรดกับแม่น้ำโขง

          แก่งคุดคู้ เป็นแก่งหินใหญ่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขง ประกอบด้วยหินก้อนใหญ่ ๆ เป็นจำนวนมาก จากการที่หินเหล่านี้อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน ทำให้หินเหล่านี้มีสีสัน, จุดชมวิวภูทอก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเชียงคาน เป็นเพียงภูเขาลูกเล็ก ๆ แต่ก็มีเสน่ห์ที่เป็นจุดชมวิว ชมความงามของแม่น้ำโขง เมืองสานะคาม และแก่งคุดคู้ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งในฤดูฝนและฤดูหนาวจะถูกปกคลุมไปด้วยผ้าห่มหมอก 


อ้างอิง
http://travel.kapook.com/view35258.html